เน็ตไอดอลสาว ขับหลง หาทางออกไม่เจอ
|จากกรณีที่ น.ส.ราวัลย์ พนักงานลานอาคารจอดรถภายในสนามบินสุวรรณภูมิ นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่าถูกคนขับรถเก๋งสีขาวซึ่งเป็นหญิงสาวรายหนึ่งจอดรถลงมาทำ ร้ า ย ร่ าง กา ย โดยสาเหตุมาจากความไม่พอใจที่ถามหาทางออกลานจอดรถแล้วพนักงานรายนี้ให้สังเกตหรืออ่านป้ายทางออกของลานจอดรถ ซึ่งหญิงสาวคู่กรณีหาทางออกจากอาคารจอดรถไม่เจอจนทำให้หัวร้อนลงมาก่อเหตุ จนมีคลิปวงจรปิดขณะเกิดเหตุเผยแพร่นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2566 สำนักข่าวดัง รายงานว่า เมื่อเวลา 23.30 น.ของวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ธาราทิพย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี คู่กรณี พร้อมกับเพื่อนสาวและเจ้าของรถเช่า เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนและพนักงานสาวที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรับทราบข้อหา
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวมาพบ ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกันกับเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ก่อนจะออกมาให้สัมภาษณ์ น.ส.ราวัลย์ กล่าวว่า หลังจากพบกับคู่กรณี ก็ได้เข้ามาขอโทษและยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งยอมจ่ายเงินเยียวย าเป็นเงินจำนวน 20,000 บาทให้ ส่วนสาเหตุที่ทำลงไปนั้น คู่กรณีอ้างว่าเป็นการเข้าใจผิดกับคำพูด ซึ่งก็ยังยืนยันว่าไม่ได้พูดจาขึ้นเสียงหรือพูดจาไม่สุภาพแต่อย่างใด อีกทั้งทราบดีกับงานบริการเช่นนี้

ส่วน น.ส.ธาราทิพย์ ยอมรับผิดและขอโทษสังคมกับเหตุการณ์ดังกล่าว ว่า ได้ยินคำตอบจากพนักงานคนดังกล่าวแล้วตนรู้สึกไม่ดี ประกอบกับหาทางออกไม่เจอจนมีการขับรถวนหลายรอบ อีกทั้งพอมาเจอพนักงานยกโทรศัพท์ถ่ายคลิป ทำให้ควบคุมตัวเองไม่อยู่ หลังเกิดเรื่องจนกระทั่งช่วงค่ำทางบริษัทเช่ารถติดต่อไปให้เข้ามาพบตำรวจ จึงพากันเดินทางมาพบในครั้งนี้และแสดงความรับผิดชอบต่อคู่กรณี
ขณะที่ เพื่อนรุ่นพี่คนสนิท บอกว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิต เคยเข้ารับการรักษามาแล้ว กระทั่งครอบครัวส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและกลายเป็นเน็ตไอดอลในโซเซียลมีเดีย ที่ผ่านมาในกลุ่มบรรดาเพื่อน ๆ มักจะเจออารมณ์หัวร้อนของผู้ก่อเหตุรายนี้บ่อยครั้ง ใครพูดไม่เข้าหูหรือทำอะไรไม่ถูกใจก็จะเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวใส่ทันที พอมาทราบข่าวในวันนี้ยิ่งตกใจ จึงตัดสินใจเดินทางมาเป็นเพื่อนที่ สภ.

ด้าน พ.ต.ท.กวีรัตนะ บังคมธรรม รองผกก.(สอบสวน) สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เจ้าของคดี กล่าวว่า การเยียวย ากับผู้เสียหายเป็นการเจรจากันของทั้งสองฝ่าย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องดำเนินคดีสั่งปรับในอัตรา 2,000 บาท